10 นาทีแรกทั้งสองทีมยังคงพลัดกันบุก แต่นาที 11 ฝรั่งเศส ได้ลุ้นก่อนจากลูกยิงตรงกรอบเขตโทษ แต่บอลเบียดเสาแรกออกไป จากนั้นอังกฤษทำเกมบุกขึ้นมาบ้าง นาที 14 แอชลี่ย์ ยัง ได้บอลกลางสนามก่อนจะแทงทะลุช่องให้ เจมส์ มิลเนอร์ อาศัยความเร็วเข้าถึงบอลก่อนจะแตะหลบ ฮูโก้ ยอริส ประตูฝรั่งเศส แต่ดันยิงออกไปเองทำให้อังกฤษพลาดประตูขึ้นนำอย่างน่าเสียดาย
นาที 29 แฟนบอลสิงโตคำรามได้เฮก่อน เมื่อ โจลีออน เลสค็อตต์ เทคตัวขึ้นโขกลูกฟรีคิกของ เจอร์ราร์ด ส่งให้อังกฤษออนำก่อน 1-0 จากนั้นทีมตราไก่เกือบได้ประตูตีเสมอจากจังหวะโขกบอลระยะเผาขนของ อาลู ดิยาร์ร่า แต่ติดเซฟของ โจ ฮาร์ท นายทวารอังกฤษ บอลเด้งออกมา ฟร้องค์ ริเบรี เปิดกลับเข้าไปให้ ดิยาร์ร่า โขกอีกครั้งแต่หลุดกรอบออกไปอย่างน่าเสียดาย
นาที 38 ความพยายามของฝรั่งเศสมาสำเร็จจนได้จากจังหวะทำชิ่งกันของ นาสรี กับ ริเบรี ก่อนจะเป็น นาสรี ที่ยิงจากระยะ 20 หลาบอลเบียดเสาแรกเข้าไปเป็นประตูให้ทีมตราไก่ตามตีเสมอ 1-1 ในครึ่งแรก
ครึ่งหลังฝรั่งเศสยังขึงเกมรุกอย่างต่อเนื่อง ส่วนอังกฤษอาศัยจังหวะสวนกลับเล่นงานฝรั่งเศสหลายครั้งแต่ยังไม่คมพอ นาที 80 ฝรั่งเศสเกือบได้ประตูขึ้นนำจากจังหวะเตะมุมบอลเลยมาถึง ริเบรี โขกย้อนกลับมาให้ โยฮันน์ คาบาย เอี้ยวตัววอลเลย์บอลแฉลบ แอชลี่ย์ โคล ออกหลังไป
5 นาทีสุดท้ายผู้เล่นของอังกฤษทั้ง 11 คนลงมารับอยู่ในแดนของตัวเอง เพื่อหวังเก็บ 1 แต้มสำคัญ ขณะที่ฝรั่งเศสยังทำเกมบุกอย่างต่อเนื่อง ทว่าไม่สามารถเจาะแนวรับของอังกฤษได้ จบเกมเสมอกันไป 1-1 ประตู แบ่งคนละ 1 แต้ม
